เปิดรับสมัคร 4 - 31 มีนาคม 2568
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการอุตสาหกรรม
ระยะเวลาการรับสมัคร ประกาศผลการคัดเลือก ปฐมนิเทศ และช่วงเวลาการอบรม
เปิดรับสมัคร 4 - 31 มีนาคม 2568
ประกาศผลการคัดเลือก 3 เมษายน 2568
ชำระค่าธรรมเนียม 4 - 11 เมษายน 2568
ปฐมนิเทศ 25 เมษายน 2568
ช่วงเวลาการอบรม 25 เมษายน – 18 กรกฎาคม 2568
เนื้อหาเข้มข้นตอบโจทย์อนาคต พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับประเทศ ที่มาเป็นวิทยากร พร้อมตอบคำถามอย่างใกล้ชิด
แลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างผู้นำและผู้บริหารชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรม
วิทยากรชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรม
เยี่ยมชมและเรียนรู้จากของจริง เพื่อพัฒนาตนเองและสร้างสายสัมพันธ์ ระหว่างผู้เรียน
ผู้บริหารต้องสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความซับซ้อนและท้าทายในยุคเทคโนโลยี และเศรษฐกิจโลก
ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอาเซียน แต่ต้องรับมือกับการแข่งขันระดับโลก และความยั่งยืน
สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรม การลงทุน และการบริหาร ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
เน้นวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ จัดการความเสี่ยง และส่งเสริมความยั่งยืนของ อุตสาหกรรม
ยกระดับผู้บริหารให้พร้อมแข่งขันระดับโลกและพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
การดำเนินการศึกษา ประกอบไปด้วย การบรรยายโดยผู้ทรงคุณวุฒิ การประชุมกลุ่ม การเสวนา การทำโครงงานกลุ่มเชิงปฏิบัติการ (Group Project)
หลักสูตรประกอบไปด้วยการเรียนตามกลุ่มวิชาและการเรียนรู้จากกิจกรรม จำนวนรวมทั้งสิ้น 105 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นการศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียน
การศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและการพัฒนาที่สำคัญทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ โดยวิเคราะห์สถานการณ์และปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ผู้เรียนจะได้สำรวจประเด็นสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านการค้า การลงทุน และตลาดแรงงาน ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนการปรับตัวของประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนในยุคปัจจุบัน ผ่านการเรียนรู้จากกรณีศึกษาและสถานการณ์จริง วิชานี้ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจและการพัฒนาในบริบทที่เปลี่ยนแปลง พร้อมพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ความรู้ในโลกแห่งความเป็นจริง
การศึกษาแนวทางและกลยุทธ์ในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามในอนาคต ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและความสำคัญของ S-Curve ในการพัฒนาประเทศ นโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การพัฒนาความรู้และทักษะด้านการบริหารจัดการอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล โดยผสมผสานหลักการจัดการแบบดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรม เทคโนโลยีอัจฉริยะ และแนวคิดความยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก การวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม การจัดการคุณภาพและมาตรฐาน ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การบริหารนิคมอุตสาหกรรม ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, IoT และพลังงานหมุนเวียน การจัดการผลกระทบจากเมกะเทรนด์ระดับโลก เช่น การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนการออกแบบนิคมอุตสาหกรรมให้มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วิชานี้มุ่งเน้นการพัฒนาความคิดเชิงอนาคตและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้นิคมอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวและสร้างความได้เปรียบในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การแนะนำหลักสูตร กระบวนการศึกษาอบรม ข้อปฏิบัติขณะเข้ารับการอบรม การอยู่ร่วมกันตลอดหลักสูตร การพัฒนาเครือข่ายและการละลายพฤติกรรมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความมีประสิทธิภาพของหลักสูตรและเพื่อเกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้เข้ารับการอบรม โดยมีช่วงเวลาต่อเนื่องกัน
กิจกรรมกลุ่มและ/หรือการศึกษาดูงานในพื้นที่จริงภายในประเทศอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดประสบการณ์จริงและเกิดการเรียนรู้จากสิ่งใหม่ ๆ สามารถนำความรู้ใหม่ มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริงได้
ศึกษาดูงานประเทศแถบเอเชียเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและ/หรือการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม ประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีหรือการจัดการสิ่งแวดล้อม
ผู้เข้ารับการศึกษาต้องสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรี มีอายุ 35 ขึ้นไป และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
ภาคเอกชน
ข้าราชการและผู้บริหารองค์การภาครัฐ
อื่น ๆ
ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชนแต่ละรุ่นไม่เกิน 70 คน
ช่วงเวลาการอบรม 25 เมษายน – 18 กรกฎาคม 2568
เฉพาะวัน ศุกร์ เวลา 9.30 – 16.00 น. ณ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ผู้เข้ารับการอบรบจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศ รวมทั้งฟังการบรรยายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของหลักสูตรทั้งหมดจึงจะได้รับประกาศนียบัตรหลักสูตร
ผู้บริหารระดับสูง ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากองค์การภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ